THAI FOREST ECOLOGICAL RESEARCH JOURNAL

ISSN 2586-9566 (Print) ISSN 2985-0789 (Online)

พฤกษเคมีเชิงนิเวศของพืชสมุนไพรพังแหร วงศ์กัญชา ในพื้นที่กลุ่มป่าภูเมี่ยง-ภูทอง ประเทศไทย

อัปสรสวรรค์ ใจบุญ1, กีรติ ตันเรือน1,2, พิสิษฐ์ พูลประเสริฐ2, ภรภัทร สำอางค์3, มานพ ผู้พัฒน์ 4, กุสุมา ภูมิคอนสาร5, วิชัย สันติมาลีวรกุล 6 และ ทิวธวัฒ นาพิรุณ1,2*
1สาขาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก
2สาขาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก
3สาขาเคมี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จังหวัดพิษณุโลก
4หอพรรณไม้ กลุ่มงานพฤกษศาสตร์ป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ
5สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 (พิษณุโลก) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จังหวัดพิษณุโลก
6ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร จังหวัดนครปฐม
*ผู้รับผิดชอบบทความ: อีเมล: napiroont@gmail.com
บทคัดย่อ

พังแหร (Trema orientalis) พืชในวงศ์กัญชาที่มีเขตการกระจายพันธุ์กว้างขวางในเขตร้อนของเอเชีย สำหรับในประเทศไทยพบพังแหรพบได้หลากหลายถิ่นอาศัย ทุกส่วนของพืชมีการใช้เป็นพืชสมุนไพรเกี่ยวกับการรักษาการติดเชื้อ วัตถุประสงค์การศึกษาวิจัยนี้เพื่อเปรียบเทียบรูปแบบทางเคมีของสารสกัดส่วนใบ เปลือกต้น ช่อดอกและช่อผล ภายใน 5 ถิ่นอาศัย ได้แก่ ป่าดิบเขา ป่าผสมผลัดใบ ป่าสนเขา ชายป่าและพื้นที่เสื่อมโทรม และพื้นที่เกษตรกรรมบริเวณกลุ่มป่าภูเมี่ยง-ภูทอง ด้วยเทคนิคโครมาโทกราฟีแบบแผ่นบาง (TLC) และแบบของเหลวสมรรถนะสูง (HPLC) สารสกัดส่วน lipophilic extracts ของทุกส่วนที่ศึกษานำมาใช้ตรวจสอบลักษณะทางเคมีด้วยเทคนิค TLC โดยระบบตัวทำละลาย เฮกเซน : เอทิล อะซิเตต สัดส่วน 8 : 2 ร้อยละโดยปริมาตร และตรวจสอบการเรื่องแสงด้วย UV ที่ความยาวคลื่น 254 และ 365 นาโนเมตร สำหรับการตรวจสอบด้วยเทคนิค HPLC ใช้ระบบตัวทำละลาย เมทานอล : สารละลายบัฟเฟอร์ สัดส่วน 60 : 40 ร้อยละโดยปริมาตร ที่ระดับความยาวคลื่น 230 นาโนเมตร ผลจากเทคนิค TLC แสดงแถบสารเดี่ยวแยกจากกัน และค่า Rf ซึ่งให้ผลบวกกับการทดสอบสารกลุ่มเทอร์พีนอยด์ สารประกอบฟีนอลิก คูมาริน และสเตอรอล ซึ่งใช้เป็นข้อมูลสำหรับวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงนิเวศ การตรวจสอบด้วยเทคนิด HPLC ปริมาณความเข้มข้นในการตรวจสอบ 10 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตรในทุกตัวอย่างแสดงตำแหน่งการปรากฏของสารหรือกลุ่มสารเด่นพร้อมค่าการดูดกลืนแสง UV ช่วงเวลาที่พีคเด่นปรากฏ เมื่อมีการทำซ้ำแล้วพบว่าพีคเด่นของสารสกัดใบปรากฏ ณ ช่วงเวลา 2.73 และ 27.24 นาที ส่วนสารสกัดเปลือกต้นพีคเด่นของสารปรากฏ ณ ช่วงเวลา 2.76 23.18 25.89 และ 29.57 นาที สำหรับสารสกัดส่วนช่อดอกและช่อผลพีคเด่นปรากฏ ณ ช่วงเวลา 2.78 26.73 27.60 และ 29.40 นาที ตามลำดับ ในการศึกษาครั้งนี้พบว่ารูปแบบทางเคมีของสารสกัดชี้ให้เห็นการสะสมของสารบางชนิดในปริมาณสูงในส่วนต่าง ๆของพืชจากถิ่นอาศัยที่เป็นบริเวณขอบป่า พื้นที่เสื่อมโทรมถูกรบกวน และพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งมีประโยชน์เพื่อเป็นแนวทางการเลือกแยกสารออกฤทธิ์จากพังแหรได้ ความสัมพันธ์กับถิ่นอาศัยที่แตกต่างกันด้วยเทคนิค PCA พบว่ารูปแบบทางเคมีของสารสกัดแต่ละส่วนของพืชแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสารสกัดส่วนใบ และกลุ่มสารสกัดส่วนเปลือกต้นกับส่วนช่อดอกและช่อผล ทั้งสองกลุ่มมีสารสำคัญและค่า Rf แตกต่างกัน

คำสำคัญ: เทคโนโลยีชีวภาพ ความหลากหลายทางพฤกษเคมี พืชวงศ์กัญชา นิเวศวิทยาป่าไม้


Download full text (Thai pdf): 8 clicks